นอกเหนือจากบทบาทใน “แฮร์รี่ พอตเตอร์” แล้ว วัตสันยังแสดงในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เช่น “The Perks of Being a Wallflower,” “Beauty and the Beast,” และ “Little Women” เธอยังเป็นที่รู้จักจากการทำงานในฐานะทูตสันถวไมตรีของ UN Women โดยได้เปิดตัวแคมเปญ “HeForShe” ซึ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิสตรี
เอ็มม่าได้รับรางวัลมากมายจากการแสดงของเธอ รวมถึงรางวัล Young Artist Award สำหรับนักแสดงเด็กหญิงที่มีผลงานยอดเยี่ยมในปี 2002 รางวัล MTV Movie Award และรางวัล People’s Choice Awards นอกจากนี้ เธอยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA และอีกหลายรางวัลระดับนานาชาติ
บทบาทในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ
หลังจาก “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เอ็มม่ายังคงประสบความสำเร็จในบทบาทอื่นๆ เช่น Sam ใน “The Perks of Being a Wallflower” (2012) ซึ่งได้รับคำชมอย่างมากจากนักวิจารณ์ บท Belle ใน “Beauty and the Beast” (2017) ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างมหาศาล และ Meg March ใน “Little Women” (2019) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายรางวัล
การเป็นนักแสดงที่มีอิทธิพลทางสังคม
เอ็มม่าวัตสันไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จในการแสดง แต่ยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีอิทธิพล โดยเธอได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีของ UN Women และเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญ HeForShe ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศทั่วโลก ความมุ่งมั่นของเธอในเรื่องสิทธิสตรีทำให้เธอได้รับการยกย่องจากทั้งวงการบันเทิงและองค์กรระหว่างประเทศ
การได้รับการยอมรับในฐานะผู้ทรงอิทธิพล
เอ็มม่าได้รับการจัดอันดับในรายชื่อ “100 บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก” ของนิตยสาร Time ในปี 2015 ซึ่งเป็นการยอมรับในผลงานทั้งในด้านการแสดงและการเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมของเธอ