ไมเคิล เคน ชื่อเต็มว่า Maurice Joseph Micklewhite Jr. หรือที่รู้จักกันดีในนามไมเคิล เคน เป็นนักแสดงชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง มีผลงานหลากหลายทั้งในบทบาทดราม่า แอ็คชัน และคอมเมดี้ และเคยได้รับรางวัลออสการ์และรางวัลทอนี่เหมือนกัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1933 ในลอนดอน อังกฤษ

ความเริ่มต้นในการแสดงและการเปลี่ยนชื่อ
ไมเคิล เคน เริ่มต้นด้วยบทบาททางเดราม่าในทางโทรทัศน์ในปี ค.ศ. 1953 และในปี ค.ศ. 1956 เขาได้รับบทบาทในภาพยนตร์แรกของเขาที่ชื่อ “พายุมหาสมุทร” (A Hill in Korea) หลังจากนั้นเขาได้รับบทบาทในหลายภาพยนตร์เล็ก ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

ในยุคนั้น เขาเข้าร่วมสหวิชาชีพนักแสดงชื่อเสียง เลด ไฮต์ (Laurence Olivier) และพอร์ทเลอร์ เคน (Peter O’Toole) ในสถาบันนิรนามแห่งแอ็กสเตอร์ แต่เขาเข้าใจว่าชื่อของเขาเป็นปัญหาในการรับบทบาทและไม่เหมาะสมเพื่อสร้างชื่อและชื่อเสียง ดังนั้นเขาเลือกเปลี่ยนชื่อเป็นไมเคิล เคน ซึ่งเป็นชื่อที่เขาได้มาจากการอ่านชื่อของร้านหนังสืออย่างไมเคิล เคน ผ่านมา

ความสำเร็จในสมัยก่อนและบทบาทดัง
ในช่วงปี ค.ศ. 1960 เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในบทบาทของเขาในภาพยนตร์ “อึ้งๆ อึ้งๆ” (Zulu) และ “การได้รับพระสังฆราช” (The IPCRESS File) ที่เขาแสดงในบทสายลับและจับผิด สิ่งที่เขายิ่งโดดเด่นในหน้าจอและได้รับการยกย่องได้มากขึ้นเมื่อมีบทบาทเป็นนักข่าวสืบสวนในภาพยนตร์ “ฆาตกรตายคราบคราม” (The Ipcress File) และ “รับน้องสวย” (Alfie) ที่เขานำแสดงในบทบาทหนุ่มหน้าใสที่ชอบหญิง รู้จักการเล่นตลก และเป็นที่รู้จักในคาเธอร์รีและระดับนานาชาติ

ในช่วงทศวรรษ 1970 เขาได้รับความรู้จักจากบทบาทใน “การคลั่ง” (Get Carter) และ “การเริงร่า” (The Italian Job) และเขาได้เริ่มเป็นแก่นแกนนำที่แสดงบทบาทด้านแค้นและอันตราย ในช่วง 1980 เขามีบทบาทที่ยอดเยี่ยมใน “เมืองอัลบอร์น” (Educating Rita) ที่ได้รับรางวัลออสการ์ และ “แลนดัน” (Hannah and Her Sisters) ของวูดี อัลเลน

ความสำเร็จในฮอลลีวู้ดและผลงานหลังจากนั้น
ไมเคิล เคน กลับมาอย่างแข็งขันในหน้าจอเมื่อเขาได้บทบาทใน “มิสเตอร์แอนด์มิสิล” (Miss Congeniality) ในปี 1999 และในช่วง 2000 เขาเข้าร่วมภาพยนตร์ทางเศรษฐกิจสูง “อัลฟา” (The Cider House Rules) ที่ได้รับรางวัลออสการ์ และ “ไบโอดัมเนว” (The Quiet American) ซึ่งเขาได้รับผลงานอันยอดเยี่ยมและได้รับการคัดเลือกเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้ง

ไมเคิล เคน ยังมีการแสดงบทบาทในหลายภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมในยุคที่ตามมา อาทิเช่น “บทพิเศษ” (The Prestige) และ “และน้ำมันรัก” (Children of Men) และ “ไบโอปิคเคน” (The Dark Knight Trilogy) ที่เขาแสดงบทบาทอัลเฟร็ด เดน (Alfred Pennyworth) คือผู้ช่วยของบรูซ เวนท์ และ “อินเสป็คเตอร์” (Inception) ที่ให้เขาได้รับการยกย่องอีกครั้งในการแสดงบทบาทที่มีความซับซ้อน

ทั้งนี้ เขายังคงมีการแสดงในภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ตลอดปี ไมเคิล เคน ได้เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีชื่อเสียงและน่ารับรู้ในวงการบันเทิง ด้วยความเป็นผู้ช่วยผู้นำในหลายบทบาทที่ไม่เลิศเริ่มจากเล็กๆ และการเปลี่ยนชื่อเป็นไมเคิล เคน ช่วยให้เขาสร้างชื่อและสมศักดิ์เสริมความเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทในวงการบันเทิงไปอย่างยาวนาน

Michael Caine says he will 'never retire' as he attends London Film  Festival screening of new film Youth | London Evening Standard | Evening  Standard

 

ประวัติไมเคิล เคน (Michael Caine) หรือในนามเต็มว่า ไมเคิล เคน บารอน เคน (Sir Michael Caine) ชื่อเดิมโมริส โจเซฟ มิกเคิลไวท์ จูเนียร์ (Maurice Joseph Micklewhite, Jr.) เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1933 ที่ลอนดอน เอ็งแลนด์ เป็นนักแสดงชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จที่ระดับนานาชาติและมีความหลากหลายในบทบาทหลายบทเป็นตัวหลักและบทบาทตัวละครรอบตัวเอง โดยเขามีผลงานในหนังมากกว่า 100 เรื่อง และเสนอบุคลิกที่เป็นตัวของคอกนีย์ (Cockney) ที่เรียบร้อยแต่ก็มีมิติในแต่ละการแสดง

ไมเคิล เคน ได้รับชื่อที่เป็นหนังจากภาพยนตร์เรื่อง “The Caine Mutiny” ในปี ค.ศ. 1954 และเขาเริ่มการแสดงบนเวทีในปี ค.ศ. 1953 และเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1956 เขาเล่นบทบาทหลากหลายในภาพยนตร์อังกฤษ เช่น “A Hill in Korea” (1956), “How to Murder a Rich Uncle” (1957), “The Day the Earth Caught Fire” (1961), และ “Zulu” (1964) ความสำเร็จมาพร้อมกับ “The Ipcress File” (1965) — เป็นภาพยนตร์แรกจากห้าเรื่องที่เขาแสดงบทของสปายบ์ริติช เฮอร์รี่ พาลเมอร์ แต่ความโดดเด่นจริงของเขาเกิดขึ้นในบทบาทหลักใน “อัลฟี่” (1966) ที่เขาได้รับเสนอชื่อเพื่อรางวัลออสการ์ในบทบาทนายแฟรนคนโสด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เสนอชื่อเพื่อรางวัลออสการ์ในบทบาทนายแฟรนคนโสด ผลงานที่สำเร็จอื่นของเขาในช่วงทศวรรษ 1960 รวมถึง “Funeral in Berlin” (1966), “Gambit” (1966), “The Wrong Box” (1966), “Hurry Sundown” (1967), และ “The Italian Job” (1969)

ในภาพยนตร์เรื่องเหล่านี้ในช่วงเริ่มต้น เคนได้สร้างตนเองเป็นนักแสดงที่หลากหลายซึ่งคุณสมบัติเหมือนคนปกติของเขาเหมาะสมกับหลายบทบาท ความเย็นชาญฉลาดของเขาอาจจะเป็นสิ่งที่คงที่เดียวระหว่างการแสดงที่รวมถึงสายลับที่เชื่องบน นักชาวบ้านที่เข้าสบาย, นักผจญภัยที่แข็งแกร่ง, บุรุษสุภาพ, ครูโรงเรียนที่เรียบง่าย, และนักฆ่าที่บ้าพลัง คุณภาพของดาวเครื่องเหมือนนี้ไม่ได้ถูกเสียไปเพื่อความหลากหลายนี้ และเขายังคงความเป็นตัวของคอกนีย์ที่น่ารักในบทบาทส่วนใหญ่ เขาเป็นคนมีความคล่องแคล่วในการแสดงตลกและโดยปกติเขาสามารถเปิดเผยองค์ประกอบขันโลกในบทสคริปที่ได้รับ

ในช่วงทศวรรษ 1970 เคนได้บรรลุความดังระดับนานาชาติ ในภาพยนตร์เรื่อง “Get Carter” (1971) และได้รับเสนอชื่อเพื่อรางวัลออสการ์สำหรับบทนำชายที่สองใน “Sleuth” (1972) ที่กำกับโดยโจเซฟ แอล. แมงคิวิตซ์ ซึ่งเขาแสดงต่อหน้าลอเรนซ์ ออลิเวียร์ ในยุคที่สำเร็จขึ้นนี้ เขาไปตามด้วยภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเช่น “The Man Who Would Be King” (1975) ของจอห์น ฮัสตัน และ “The Eagle Has Landed” (1976) ของจอห์น เสติจ เขาได้ดำเนินการผลิตผลส่งออกเป็นเลขอันเป็นที่หนึ่งในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีการแสดงในภาพยนตร์เกือบ 2 ดวงในช่วงทศวรรษนี้ ถึงแม้หลายภาพยนตร์ในช่วงนั้นจะเป็นการล้มเหลว ความเคารพในเคนยังคงดีขึ้น เพราะเขาได้รับการเคารพในฐานะนักงานหมั่นเสมอ เขากล่าวว่า “ฉันไม่ได้ไปค้นหาภาพยนตร์ที่เป็นที่สงสัยของฉันเอง ฉันเสมอเป็นไปหาบทบาทที่ยอดเยี่ยม และเมื่อไม่มีใครมอบให้ฉัน ฉันจะมองหาบทบาทที่ดีและเมื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านฉัน ฉันก็จะรับบทบาทที่จะชำระค่าเช่าบ้าน”

ในช่วงทศวรรษ 1980 เคนได้มีภาพยนตร์ที่ดีขึ้น รวมถึง “Dressed to Kill” (1980) ของบรายอัน เดอ พาลม่า, “Deathtrap” (1982), “Educating Rita” (1983; ได้รับเสนอชื่อเพื่อรางวัลออสการ์นักแสดงชายยอดเยี่ยม), “Mona Lisa” (1986), “Hannah and Her Sisters” (1986; รางวัลออสการ์นักแสดงเหลือที่ยอดเยี่ยม) ของวูดดี แอลเลน, “Without a Clue” (1988), และ “Dirty Rotten Scoundrels” (1988). โดยสิ้นสุดของศตวรรษที่ 20 เคนได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์กว่า 100 เรื่อง และเขาได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงชายยอดเยี่ยมครั้งที่สองสำหรับ “The Cider House Rules” (1999) และได้รับเสนอชื่อเพื่อรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในบทบาทของนักข่าวอังกฤษที่แสดงความแย่งแย้งในเวียดนามใน “The Quiet American” (2002).

ในปี 2005 เคนปรากฏตัวในภาพยนตร์ “Batman Begins” ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เล่นบทพี่บุญมีและเพื่อนสนิทของซูเปอร์ฮีโร่ แอลเฟร็ด ภาพยนตร์นี้ได้รับการเชิดชูจากวิจารณ์และเป็นที่สำเร็จทางด้านธุรกิจ สิ่งเดียวที่เคนทำในหนังต่อมา “The Dark Knight” (2008) และ “The Dark Knight Rises” (2012) เคนยังมีภาพยนตร์ที่สำคัญอื่น ๆ รวมถึง “Children of Men” (2006) และ “The Prestige” (2006) โดยหนังเรื่องหลังนี้ก็ได้รับการกำกับโดยคริสโตเฟอร์ โนแลนด้วย เมื่อปี 2007 เขามีบทบาทในการแสดงในการสร้างใหม่ของเคนเนธ แบรานาโคหนัง “Sleuth” โดยแสดงบทบุคคลที่เคยมีบทบาทของโอลิเวียร์.

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *